OM ในเส้นใยแก้วนำแสง คืออะไร OM1, OM2, OM3, OM4 และOM5 แตกต่างกันอย่างไร

OM1-OM2-OM3-OM4

          สายเคเบิลไฟเบอร์ออฟติก เป็นสายเคเบิลเครือข่ายที่สร้างขึ้นโดยใช้เส้นใยแก้ว หรือพลาสติกที่มีคุณสมบัติโปร่งแสงและยืดหยุ่น มีประโยชน์สำหรับการสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายข้อมูลประสิทธิภาพสูงในระยะทางไกล รัฐบาล ธุรกิจ และบุคคลทั่วโลกต่างใช้สายเคเบิลไฟเบอร์ออฟติกสำหรับระบบโทรศัพท์ เคเบิลทีวี และอินเทอร์เน็ต โดยทั่วไปแล้วสายไฟเบอร์ออฟติกจะแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ ชนิด Single-Mode และ Multi-Mode

          สายเคเบิลสื่อสารไฟเบอร์ออฟติกแบบ Single-Mode (ตัวย่อ SM) ถูกออกแบบมาเพื่อนำแสงเดินทางเป็นทางตรงในระยะทางที่ไกล ไม่ว่าจะมีการส่งสัญญาณแสงที่ความเร็ว 10Mbps, 100Mbps หรือ 1000Mbps (1Gbps) ระยะทางเดินสายที่เหมาะสมเริ่มที่ 5 กิโลเมตร ถึง 120 กิโลเมตร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้สำหรับการส่งสัญญาณทางไกล โดยส่วนใหญ่ความแตกต่างระหว่างสายเคเบิลโหมดเดียว และหลายโหมดขึ้นอยู่กับเส้นผ่านศูนย์กลางแกนใยแก้วนำแสงระยะห่างของเส้นใยความยาวคลื่นแหล่งกำเนิดแสงและแบนด์วิดท์ ส่วนประเภทของสาย ชนิด Single-mode ได้แบ่งย่อยได้ 2 ประเภท คือ ชนิด OS1, OS2 โดยจะแตกต่างเรื่องการใช้งานทั้งย่านความยาวคลื่นแสง 1310nm และ 1550nm และ ค่าการลดทอนในการเลือกใช้งาน

          สายเคเบิลไฟเบอร์ออฟติกแบบ Multi-Mode (ตัวย่อMM) ใช้สำหรับการสื่อสารในระยะสั้น เช่น ภายในตึก ,อาคาร ในส่วนของความเร็วและระยะทางนั้นมีข้อจำกัด มากพอสมควร เช่น การส่งสัญญาณที่ 100Mbps สำหรับระยะทางสูงสุด 2 กิโลเมตร, 1Gbps สำหรับระยะทางสูงสุด 550 เมตร และ 10Gbps สำหรับระยะทางสูงสุด 550 เมตร ซึ่งสามารถแบ่งมาตรฐานออกเป็น OM1 OM2 OM3 OM4 และ OM5 

          ดังนั้นแล้ว OM ก็คือ การแบ่งประเภทมาตรฐานของสายไฟเบอร์ออฟติกแบบ Multi-Mode นั้นเอง แล้วแต่ละ OM คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร หรือมีการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักเกี่ยวกับ OM กันในบทความนี้ 

 

OM คืออะไร

          ตัวอักษร“ OM” ย่อมาจาก Optical Multimode เป็นการแบ่งประเภทมาตรฐานของสายไฟเบอร์ออฟติกแบบ Multi-Mode แต่ละประเภทที่มีลักษณะแตกต่างกัน

          โดยมาตรฐานแต่ละ OM มีข้อกำหนด Modal Bandwidth (MBW) ขั้นต่ำอยู่ เช่นสายไฟเบอร์ OM1, OM2 และ OM3 ถูกกำหนดโดยมาตรฐาน ISO 11801 ซึ่งขึ้นอยู่กับแบนด์วิดท์ Modal ของมัลติไฟเบอร์โหมด 

 

ชนิดของแต่ละ OM ในเส้นใยแก้วนำแสง

ชนิดของแต่ละ OM ในเส้นใยแก้วนำแสง

OM1

          OM1 จะมีขนาดแกนหลัก 62.5 ไมโครเมตร (µm)สามารถรองรับ 10 Gigabit Ethernet ที่ความยาวสูงสุด 33 เมตร มันถูกใช้มากที่สุดสำหรับแอปพลิเคชัน 100 เมกะบิตอีเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่มาพร้อมกับแจ็คเก็ต(สายหุ้ม)สีส้ม และมักใช้แหล่งกำเนิดแสง LED

OM2 

          OM2 มีขนาดแกนคือ 50µm แทนที่จะเป็น 62.5µm เพื่อรองรับ 10 Gigabit Ethernet ที่ความยาวสูงสุด 82 เมตร แต่มักใช้กับแอปพลิเคชั่น 1 Gigabit Ethernet ในทำนองเดียวกัน ไฟเบอร์ OM2 ยังมาพร้อมกับแจ็คเก็ตสีส้ม และใช้แหล่งกำเนิดแสง LED

OM3

          OM3 เป็นสายเคเบิลได้รับการปรับให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้เลเซอร์ มีขนาดหลักคือ 50µm รองรับ 10 Gigabit Ethernet ที่ความยาวสูงสุด 300 เมตร นอกจากนี้ OM3 ยังสามารถรองรับ 40 Gigabit และ 100 Gigabit Ethernet ได้สูงถึง 100 เมตร อย่างไรก็ตาม 10 Gigabit Ethernet ก็ยังเป็นประเภทที่ใช้งานกันมากที่สุด มาพร้อมกับแจ็คเก็ตสีอควา

OM4

          OM4 มีการปรับปรุงเพิ่มเติมจาก OM3 OM4 ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะสำหรับการส่งสัญญาณด้วยเลเซอร์ VSCEL แต่ยังมีการใช้แกนขนาด 50µm อยู่ รองรับ 10 Gigabit Ethernet ที่ความยาวสูงสุด 550 เมตร และรองรับ 100 Gigabit Ethernet ที่ความยาวสูงสุด 150 เมตร โดยใช้ขั้วต่อ MPO สาย OM4 ไม่เพียงแต่จะมีช่วง Bandwidth ที่กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับ OM3 ยังสามารถใช้งานร่วมกับไฟเบอร์ OM3 ได้อย่างสมบูรณ์ และใช้แจ็คเก็ตสีอควา

OM5

          OM5 หรือที่เรียกว่า WBMMF (ไฟเบอร์มัลติโหมดไวด์แบนด์) เป็นไฟเบอร์มัลติโหมดชนิดใหม่ล่าสุด และเข้ากันได้กับ OM4 รุ่นเก่า มีขนาดแกนเดียวกับ OM2, OM3 และ OM4 สีของแจ็คเก็ตไฟเบอร์ OM5 เป็นสีเขียวมะนาว ได้รับการออกแบบและกำหนดเพื่อรองรับช่อง WDM อย่างน้อยสี่ช่องที่ความเร็วต่ำสุด 28Gbps ต่อช่องผ่านหน้าต่าง 850-953 นาโนเมตร

 

ความแตกต่างระหว่าง OM1 OM2 OM3 OM4 และ OM5

          ความแตกต่างระหว่าง OM1 OM2 OM3 OM4 และ OM5 นั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายอย่าง อย่างเช่น ความแตกต่างทางกายภาพ ความแตกต่างในช่วงระยะทาง และการใช้งานที่แตกต่างกัน

  • ความแตกต่างทางกายภาพ

          ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเส้นใยมัลติโหมดขึ้นอยู่กับความแตกต่างทางกายภาพ ดังนั้น ความแตกต่างทางกายภาพจึงนำไปสู่อัตราการส่งข้อมูลและระยะทางที่แตกต่างกัน ความแตกต่างทางกายภาพส่วนใหญ่อยู่ที่เส้นผ่านศูนย์กลาง สีแจ็คเก็ต แหล่งกำเนิดแสง และแบนด์วิดท์ ซึ่งอธิบายไว้ในตารางต่อไปนี้

ประเภท MMF เส้นผ่านศูนย์กลาง สีแจ็คเก็ต แหล่งกำเนิดแสง แบนด์วิดธ์
OM1 62.5/125µm ส้ม LED 200MHz*km
OM2 50/125µm ส้ม LED 500MHz*km
OM3 50/125µm อควา VSCEL 2000MHz*km
OM4 50/125µm อควา VSCEL 4700MHz*km
OM5 50/125µm สีเขียวมะนาว VSCEL 28000MHz*km

 

  • ความแตกต่างในช่วงระยะทาง

          เส้นใยมัลติโหมดสามารถส่งช่วงระยะทางที่แตกต่างกันที่อัตราข้อมูลต่างๆ คุณสามารถเลือกหนึ่งที่เหมาะสมที่สุดตามการใช้งานจริง การเปรียบเทียบช่วงระยะทางไฟเบอร์มัลติโหมดในแต่ละ OM จะแสดงดังตารางด้านล่างนี้

ประเภท MMF Fast Ethernet 1GbE 10GbE 40GbE 100GbE
OM1 2000m 275m 33m / /
OM2 2000m 550m 82m / /
OM3 2000m / 300m 100m 70m
OM4 2000m / 550m 150m 150m
OM5 / / 550m 150m 150m
  • ความแตกต่างในการใช้งาน

          OM1 และ OM2 ถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในอาคารเป็นเวลานานหลายปีโดยรองรับค่าสูงสุดของการส่งผ่านอีเธอร์เน็ต 1GE จนถึง 10GE ในส่วนของ OM3, OM4 และ OM5 จะใช้ในสภาพแวดล้อมการเดินสายเคเบิลของศูนย์ข้อมูลซึ่งรองรับการส่งผ่านอีเทอร์เน็ตความเร็วสูง 10GE, 40GE ไปจนถึง 100GE

  • ความแตกต่างในการออกแบบ

          OM1 และ OM2 ถูกออกแบบให้เหมาะสำหรับการใช้ LED (ไดโอดเปล่งแสง) เป็นแหล่งกำเนิดแสงพื้นฐาน ในขณะที่ OM3, OM4 และ OM5 เหมาะสำหรับการส่งผ่านแหล่งกำเนิดแสงทั้ง LED และ LD (เลเซอร์ไดโอด) ที่ทำให้ความเร็วในการส่งและแบนด์วิดท์ของจัมเปอร์ใยแก้วนำแสง OM เพิ่มขึ้นทีละขั้นตอน

 

          ทุกวันนี้ หากเราเฝ้ามองวิวัฒนาการของระบบเครือข่าย เราจะพบว่า Ethernet ได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Gigabit Ethernet หรือ 10 Gigabit Ethernet ไปจนถึง 100 Gigabit Ethernet ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการทำงานบนสาย Fiber Optic แบบ Multimode และเป็นเทคโนโลยีที่มีความเร็วสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยระบบ Gigabit Ethernet ไม่เพียงแต่จะใช้งานบนเครือข่าย LAN ได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถขยายขอบเขตการใช้งานออกไปในระดับ WAN ได้อีกด้วย

          และในขณะที่ Ethernet ได้รับการพัฒนาอยู่นั้น มาตรฐานของสายใยแก้วนำแสงชนิด Multimode ก็ได้รับการพัฒนาควบคู่กับ Ethernet มาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยเริ่มตั้งแต่ OM1 ที่ถูกใช้งานสำหรับมาตรฐานทั่วไป ไปจนถึง OM5 ที่สามารถ upgrade ระบบเครือข่ายสู่ระดับ 100 Gigabit Ethernet โดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง

          และสำหรับบริษัท/โรงงาน/องค์กรธุรกิจ/หรือครัวเรือน ที่กำลังมองหา หรือพิจารณาการนำเทคโนโลยี Fiber Optic มาใช้งาน คุณสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

บริษัท โฟคอมม์ (ประเทศไทย) จำกัด

โทร : 02-973-1966

Admin : 063-239-3569

Email : info@focomm-cabling.com

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *