10 ข้อดีของ Surge Protection และหลักการทำงานของ Surge Protection

Surge Protection หรือ การป้องกันการกระชากไฟ คือการใช้อุปกรณ์หรือวิธีการเพื่อปกป้องอุปกรณ์หรือระบบไฟฟ้าจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าที่กระชากขึ้นโดยไม่คาดคิด หรือความเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในเครือข่ายไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้วเหตุการณ์เช่นนี้เกิดจากพายุฟ้าผ่าหรือการเปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในระบบ เมื่อเกิดความผิดปกติดังกล่าว แรงดันไฟฟ้าจะกระชากเพื่อใช้งานความเร็วสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบไฟฟ้าภายในอาคารหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ

การใช้ Surge Protection ช่วยป้องกันอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าจากความผิดปกติโดยจะระบายแรงดันไฟฟ้าที่เกินกำหนดออกไป ซึ่งทำให้อุปกรณ์และระบบไฟฟ้าได้รับการปกป้อง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าที่กระชากขึ้น ช่วยเสริมความปลอดภัยและความเป็นเอกลักษณ์ของระบบไฟฟ้าที่ใช้งานในสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารพาณิชย์ อพาร์ทเมนท์ หรืออาคารอุตสาหกรรม อุปกรณ์นี้เป็นส่วนสำคัญในการรักษาความเสถียรและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ในสถานที่ต่างๆ และช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต.

 

10 ข้อดีของ Surge Protection

การใช้งานอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากมีข้อดี 10 ข้อ ดังนี้

  1. ป้องกันอุบัติเหตุ : ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการไฟระเบิดที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้ ระเบิดอุปกรณ์ หรือทำให้ระบบเสียหายได้
  2. การบำรุงรักษาความปลอดภัย : ช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายในอุปกรณ์และระบบเครือข่าย
  3. ประหยัดค่าใช้จ่าย : ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและเปลี่ยนอุปกรณ์ ที่อาจเกิดขึ้นจากการเสียหายต่างๆ
  4. ส่งผลกระทบต่องานของอุปกรณ์ : ช่วยลดการเสียหายในอุปกรณ์ และทำให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างเสถียรและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
  5. การรักษาประสิทธิภาพ : ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบไฟฟ้า
  6. ความมั่นใจในระบบ : ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำงานของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ
  7. การเชื่อมต่อที่เสถียร : ช่วยป้องกันการตกค้างในระบบการเชื่อมต่อเครือข่าย
  8. การทำงานที่เสถียร : ช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานของอุปกรณ์และระบบไฟฟ้า
  9. การป้องกันการสูญเสียข้อมูล : ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
  10. เพิ่มความเชื่อมั่นในระบบ : ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบการทำงานของอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าอีกด้วย

การใช้งาน Surge Protection ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบและช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

หลักการทำงานของ Surge Protection

หลักการทำงานของตัวป้องกันไฟกระชาก คือการปกป้องอุปกรณ์หรือระบบจากความเสียหายที่อาจเกิดจากกระแสไฟฟ้าที่กระชากขึ้นโดยไม่คาดคิด ซึ่งอาจเกิดจากฟ้าผ่าหรือแรงดันไฟฟ้าที่ไม่ปกติภายในระบบไฟฟ้า หลักการทำงานมีดังนี้

  1. ตรวจจับความผิดปกติ : มีวงจรเซนเซอร์หรือเซอร์กิต (Sensor) ที่ตรวจจับความผิดปกติของกระแสไฟฟ้า เมื่อมีการกระชากไฟที่เกินค่าที่กำหนด วงจรเซนเซอร์จะตรวจจับและเปิดทางไฟฟ้าให้กระทันหัน
  2. ทำการตัดต่อวงจร : เมื่อวงจรเซนเซอร์ตรวจจับกระแสไฟฟ้าที่เกินค่าที่กำหนด อุปกรณ์ป้องกันการกระชากไฟจะทำการตัดต่อวงจรไฟฟ้าเพื่อหยุดกระแสไฟที่เข้ามาเพื่อป้องกันอุปกรณ์ภายในระบบไม่เสียหาย
  3. การนำทางกระแสไฟ : แทนที่จะผ่านเข้าสู่อุปกรณ์หรือระบบที่ต้องการปกป้อง กระแสไฟฟ้าที่มีความผิดปกติจะถูกนำไปสู่ทางเลื่อนที่มีความคงทนกว่า ทำให้ไม่กระทบกับอุปกรณ์หรือระบบที่ต้องการปกป้อง
  4. การระบายไฟฟ้าเกิน : อุปกรณ์ป้องกันการกระชากไฟอาจมีอะไหล่เพิ่มเติมที่ช่วยระบายกระแสไฟฟ้าเกินที่เข้ามา เพื่อให้ไฟฟ้าที่เกินเข้ามาไม่ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์หรือระบบ

หลักการทำงานนี้ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากกระแสไฟฟ้าที่กระชากขึ้นโดยไม่คาดคิด เช่น การทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การเสียหายของข้อมูล หรือการทำให้ระบบงานขัดข้องในระยะยาว การใช้งานการป้องกันการกระชากไฟ (Surge Protection) เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

การใช้งาน Surge Protection และรูปแบบการใช้งาน

การใช้งาน Surge เป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าจากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าที่กระชากขึ้นโดยไม่คาดคิด ตามนี้คือขั้นตอนการใช้งาน ดังนี้

  1. การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม: ให้เลือกอุปกรณ์ Surge Protection ที่เหมาะสมกับระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่คุณต้องการป้องกัน เช่น ตู้ไฟฟ้าในอาคารพาณิชย์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หรือระบบ Solar Cell
  2. ติดตั้งตามข้อกำหนด: ติดตั้งอุปกรณ์ ตามคำแนะนำและข้อกำหนดของผู้ผลิต แนะนำให้ติดตั้งใกล้กับอุปกรณ์ที่ต้องการ และเชื่อมต่อในวงจรไฟฟ้าให้ถูกต้อง
  3. การตรวจสอบและบำรุงรักษา : ตรวจสอบอุปกรณ์เป็นประจำเพื่อตรวจสอบว่ายังทำงานอย่างถูกต้อง และไม่มีการเสียหาย รวมถึงทำความสะอาดอุปกรณ์เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่เต็มที่
  4. การตรวจสอบความผิดปกติ : หากมีการกระชากไฟฟ้าหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น อุปกรณ์จะทำหน้าที่ตัดต่อวงจรไฟฟ้าเพื่อป้องกันความเสียหาย หลังจากเหตุการณ์เสร็จสิ้น ให้ตรวจสอบและทำความเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและหาสาเหตุเพื่อป้องกันในอนาคต
  5. การเปลี่ยนอุปกรณ์เสียหาย : หากอุปกรณ์เสียหายหรือไม่สามารถทำงานได้อีกต่อให้ทำการเปลี่ยนแทนด้วยอุปกรณ์ใหม่ทันที เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและปลอดภัยตลอดเวลา
  6. การปฏิบัติตามข้อแนะนำ : ปฏิบัติตามข้อแนะนำและคำแนะนำจากผู้ผลิตเพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

 

 

แนะนำสินค้า

AC D Class Single Phase
AC D Class Three Phase
AC C Class Single Phase
AC C Class Three Phase
AC B Class Single Phase
AC B Class Three Phase
💥 คิดถึงสายไฟเบอร์และสินค้าโครงข่ายคุณภาพ คิดถึง Focomm 💥
สินค้า Fiber Optic และโครงข่ายคุณภาพระดับสากล
พร้อมบริการให้คำปรึกษา ออกแบบและจัดทำเอกสาร TOR สำหรับงานโครงการ ให้ตรงกับความต้องการของคุณ
สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 👇
☎️ Contact : 02-973-1966
☎️ Contact : 063-239-3569
🟢 Line Official : https://page.line.me/focomm

นำเสนอโดย นายณัฐพล วลัยวิทย์ กรรมการบริษัทฯ